SAMUTSAKHONFOUNDATION@KRATUMBAN ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่บ้านหลังใหม่ของจุดกระทุ่มแบนครับ (ขออภัย อยู่ระหว่างดำเนินการ)
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

 
ประวัติพุทธองค์ฮ้อเอี้ยฮุ้นเซี้ยโจ้ว

ตอนต้นราชวงศ์หมิง มี “ซักบ้อเซียน” ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งชัยภูมิทำเลที่ตั้งทั้งหลาย ท่าสามารถดูชัยภูมิว่าเป็นที่ที่เป็นมงคลหรือเป็นที่อัปมงคลได้อย่างแม่นยำเหมือนดั่งตำรา เพียงท่านได้ก้มลงนั่งยองๆ ณ ที่ใดก็ตามสถานที่แห่งนั้นมักจะเป็นที่ที่เป็นศิริมงคล ดังนั้น ผู้คนจึงมักแกะสลักคำทำนายทายทักของท่านเป็นอักษรตัวเว้าด้วยวัตถุในสมัยโบราณ เพื่อเป็นการทดสอบความแม่นยำตามทำนายของท่าน

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงท่าน “ฮ้อเอี้ยฮุ้น” ตั้งแต่ อิ๋วเหลียงพ่ายศึกท่านแกล้งเป็นบ้ารอนแรมร่อนเร่มาถึง ณ ที่แห่งนี้ แต่ไม่อาจทราบถึงที่อยู่อันเป็นหลักแหล่งที่แน่นอนของท่านได้รู้แต่เพียงว่าส่วนใหญ่ท่านจะอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านห่งกังกับตระกูลโล้ว และยังมีคำร่ำลือว่านอกชนบทแห่งนี้มีสุสานที่ฝังศพของท่านด้วย แท้ที่จริงแล้ว “ซักบ้อเซียน” หรือ “ฮ้อเอี้ยฮุ้น” ก็คือบุคคลคนเดียวกันนั่นเอง

ท่านฮ้อเอี้ยฮุ้น อดีตคือเสนาธิการกองทัพของกษัตริย์ ตั่งอ๋วเหลียง แห่งราชวงศ์ฮั่นอันเกรียงไกร ตั่งอิ๋วเหลียง กับจูง่วงเจีย หลังจากได้นำกองทัพผ้าพันคอสีแดงออกทำการล้มล้างราชวงศ์ง้วงแล้วทั้งสองได้แย่งชิงกันเข้าครอบครองในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1393 ตลอดระยะเวลา 85 วัน ของการทำศึกสงครามที่ทะเลสาบพัวเอี่ยงโอ๊ว ปรากฏว่าตั่งอิ๋วเหลียงได้รับชัยชนะถึง 99 ครั้ง แต่ในที่สุดในการทำศึกครั้งสุดท้ายได้พ่ายแพ้แก่จูง่วงเจีย โดยถูกศรสิ้นพระชนม์ ตังลี่ผู้เป็นโอรสของตั่งอิ๋วเหลียง ได้สืบทอดบัลลังก์แทน แต่ตังลี่ได้ยอมแพ้แก่จูง่วงเจีย เมื่อจูง่วงเจียได้รับชัยชนะจึงได้สถาปนาราชวงษ์หมิงขึ้นมาแต่ “เหล่าแป๊ะอุง” เสนาธิการกองทัพของจูง่วงเจีย กลับมิอาจลืมเลือนบทเรียนความพ่ายแพ้ศึกถึง 99 ครั้ง ในอดีตได้ท่านยกย่องและนับถือในความสามารถของฮ้อเอี้ยฮุ้นเป็นอย่างมาก จึงได้กราบบังคมทูลเสนอกษัตริย์จูง่วงเจียให้ทรบรับฮ้อเอี้ยฮุ้นเป็นเสนาบดี ซึ่งพระองค์ก็ทรงอนุญาตและมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ณ พระราชวังโดยทันที ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้ฮ้อเอี้ยฮุ้นเข้าเฝ้ารับสนองพระบรมราชโองการ แต่ปรากฏว่าฮ้อเอี้ยฮุ้นปฏิเสธด้วยความสุภาพอ่อนน้อม

หลังจากที่ ฮ้อเอี้ยฮุ้น ได้ปฏิเสธการรับตำแหน่งเสนาบดีแล้ว ท่านก็ได้ออกร่อนแร่พเนจรไปตามที่ต่างๆ โดยปกปิดชื่อเสียงเรียงนามแกล้งทำตัวเป็นบ้า ในช่วงระหว่างปีอั่งยู้แห่งราชวงศ์หมิง ฮ้อเอี้ยฮุ้นร่อนเร่จากเหนือไปยังใต้จนถึงเขตแต้จิ๋ว ในยามชราจึงได้ปักหลักที่ชนบทกุ๊ยสื่อฮวง ณ เมืองเตี่ยเอี๊ย ซึ่งในสถานที่แห่งนี้นี่เองที่ฮ้อเอี้ยฮุ้นได้รับการสรรเสริญกล่าวขานจากชาวบ้านทั่วไปมากมาย และมีการเล่าขานสืบทอดกันมาไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ฮ้อเอี้ยฮุ้นได้รับเสื้อเทพเจ้า” “ชนบทแห่งเมืองเทพเจ้า” ซึ่งเป็นที่มาแห่งเมืองประตูเทพเจ้า “แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์” “ประตูคีแจ่มึ๊ง” “เพ็กชวงพบฮ้อเอี้ยฮุ้น อย่างอัศจรรย์” สัญลักษณ์ที่ใช้กิ่งใบต้นไทรแขวนไว้บนขอบประตูในเทศกาลง่วงเซียว (เทศกาลขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 ตามปีปฏิทินจีน) หรือแม้แต่ “เจียะเต็ง” (ศาลาหิน) ซึ่งมีที่มาจากเรื่องการสร้างศาลของฮ้อเอี้ยฮุ้นแล้วแต้ก๊กเส่งทำลายจนหอกหักตามคำทำนายของฮ้อเอี้ยฮุ้น เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวที่เล่าขานสืบทอดกันมาเกี่ยวข้องกับ “ฮ้อเอี้ยฮุ้น หรือซักบ้อเซียน” ระหว่างที่ท่านพำนักอยู่ในเขตแต้จิ๋วทั้งสิ้น

กาลเวลาผ่านไปอันยาวนาน ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสวันหนึ่ง ขณะที่ “ฮ้อเอี้ยฮุ้น” หรือ “ซักบ้อเซียน” (เทพเจ้าเหา) ซึ่งพำนักอยู่กับแม่เฒ่า ตระกูลโล้ว ฮ้อเอี้ยฮุ้นได้ถอดเสื้อคลุมออก ผึ่งแดดและพักผ่อนนอนหลับ ท่านผู้เฒ่าผู้เป็นเจ้าของบ้านเห็นว่าเสื้อคลุมของท่านทั้งสกปรกทั้งเหม็นและเต็มไปด้วยเหา จึงได้ลงมือนำน้ำร้อนมาราดที่เสื้อของฮ้อเอี้ยฮุ้น ทำให้ฮ้อเอี้ยฮุ้น ตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความร้อนรุ่มสุดทน และร้องเสียงดังลั่นว่า “ชีวิตฉันจบสิ้นแล้ว” เพราะว่าขณะที่แม่เฒ่าราดน้ำร้อนลงเสื้อคลุมนั้น เหาที่อาศัยอยู่ในเสื้อของท่านได้ถูกน้ำร้อนลวกตายหมด ตัวท่านฮ้อเอี้ยฮุ้นเองก็เหมือน ถูกลวกด้วยน้ำร้อนเช่นกัน ท่านรู้ตัวว่ามิอาจจะหลีกพ้นจากภัยพิบัติอันใหญ่หลวงนี้ได้ ท่านจึงได้สั่งเสียแก่คนทั้ง 5 คน ในตระกูลโล้วให้จัดการฝังศพของท่านที่หมู่บ้านห่งกัง ในทำเลที่เป็นอัวะกูตี่ อันเป็นชัยภูมิที่เป็นเนินหลังเต่า ซึ่งเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่เป็นมงคลยิ่ง แท่นศิลาจารึกที่สุสานให้เขียนไว้ว่า “สุสานแห่งซักบ้อเซียน” ซึ่งได้รับการบูรณะในปีกวงสูที่ 13 เจ้าของสถานที่ห่งกัง คือ โหล่ว เกี๊ยก นับจากสมัยราชวงศ์หมิงจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 600 ปีมาแล้ว

ตามคำบอกเล่าที่สืบทอดกันมายังมีอีกว่าก่อนที่ฮ้อเอี้ยฮุ้น ท่านจะสิ้นใจเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของแม่เฒ่าตระกูลโล้ว ท่านได้สอบถามความเห็นของแม่เฒ่าว่า แม่เฒ่าต้องการน้ำมันงา 3 เต้า หรือต้องการเสื้อคลุมของผู้มีบุญ ซึ่งหมายถึงการได้เป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ทุกชาติไป หรือว่าต้องการได้หมวก สำหรับผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ สวมใส่ จำนวน 18 ใบ ท่านแม่เฒ่าคิดว่าเป็นการพูดหยอกล้อเล่น จึงปล่อยให้วาจาศักดิ์สิทธิ์ของท่านเหมือนลมพัดผ่านหูไป และตอบกลับว่าคนบ้านนอกคอกนาเป็นชาวไร่ชาวนา ขอให้มีข้าวกินมีงานทำก็ดีถมไปแล้วละ ท่านฮ้อเอี้ยฮุ้นเห็นว่าแม่เฒ่า ไม่ใส่ใจเลือกวาจาศักดิ์สิทธิ์ของท่าน จึงได้ทิ้งคำกลอนไว้เป็นอนุสรณ์ดังนี้

ใครจักรู้ว่าข้าสรรเสริญดวงวิญญาณกษัตราโดยจารึกไว้เป็นอักษร
กระเรียนป่าบินจากที่สูงมา ณ สถานที่แห่งนี้
เบิกเมฆเห็นที่นอนของเฒ่า (ที่ตั้งฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด)
หลังจากข้าวายชีวาแล้ว จักรู้ว่าข้าคือเซียน (เทพเจ้า) (คำกลอนนี้ใช้ท่องจำสรรเสริญสืบต่อกันมา ในประโยคที่ 3 อาจผิดพลาด ท่านผู้รู้โปรดแก้ไขด้วย)
คุณงามความดีสุดคณานับ จักคงร่องรอยไว้ให้จารึกสืบไป

จากคัมภีร์เหล่งซัว มีบทกลอนบันทึกไว้ดังนี้ “จะถึงเก๋าหยงจิวได้อย่างไร เมฆคล้อยไปดาวจรัสแสงรายรอบสถานบวงสรวงเทพเจ้า ร่องรอยเซียนที่ห่งกังเลื่องระบือไกล อาจารย์กับศิษย์ร่วมกัน ณ เมืองอั่งเอี๊ยง อั่งเอี๊ยงเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงาม เป็นแหล่งรวบรวมคุณงามความดีนานับประการที่มีรอยจารึกฝากไว้มาชั่วกาลนาน”









Advertising Zone    Close


Online: 2 Visits: 37,594 Today: 15 PageView/Month: 109

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...